โรคและวิธีการรักษาโรค
โรคที่มักพบได้ บ่อยๆอาจแบ่งออกได้เป็น
1. โรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย
2. โรคที่เกิดจากเชื้อโปรโตซัว
3. โรคที่เกิดจาก Copepod
4. โรคที่เกิดจากพยาธิ
5. โรคที่เกิดจาก Sporozoa
6. โรคที่เกิดจากเชื้อรา
7. โรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส
8. โรคที่เกิดจากสภาพแวดล้อม
อาการที่แสดงให้เห็นว่าปลาป่วยคือ จะมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ทั้งนี้อาจเกิดจากเชื้อโรค หรือมีการเปลี่ยนแปลงคุณภาพของน้ำก็ได้ ปลาจะมีสีจางลงและว่ายถูลำตัวกับหิน หรือปะการังบริเวณก้นตู้ โดยเฉพาะในกรณีที่มีพยาธิภายนอกอาจพอที่จะวินิจฉัยโรคจากอาการคร่าวๆได้ดัง นี้อาการความผิดปกติที่พบทั่วไป
สี จางลง : อาการนี้อาจเกิดจากการตกใจของปลาหรือโรคต่างๆ ได้แก่วัณโรค , การได้รับสารพิษ , การได้รับอาหารไม่เพียงพอกับความต้องการทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ รวมทั้งอาจเกิดขึ้นเมื่อปลามีอายุมาก
- ไม่กินอาหาร : เป็นอาการเบื้องต้นที่แสดงความผิดปกติของปลาซึ่งกำลังเป็นโรคเกือบทุกชนิด ทั้งโรคที่เกิดจากการติดเชื้อต่างๆ , หนอนพยาธิ . อาหารไม่เหมาะสม รวมทั้งสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมอีกด้วย
- ก้นแดงบวม : มีอุจจาระผิดปกติ ต้องระวังการติดเชื้อของทางเดินอาหารและพยาธิภายใน ถ้าเกิดการท้องผูก ( ไม่ขับถ่าย ) ควรดูแลเรื่องชนิดของอาหารให้เหมาะสมด้วย
- ว่ายน้ำถูลำตัวกับพื้นหรือหินปะการัง : มักพบพยาธิที่ผิวหนังหรือมีการระคายเคืองจากภาวะน้ำเป็นพิษ ทั้งนี้จะพบการหดตัวของครีบ และมีการเคลื่อนไหวแบบส่ายลำตัวด้วย
- พฤติกรรมว่ายน้ำผิดปกติ :ให้ตรวจสอบดูคุณภาพน้ำว่ามีสารพิษอยู่หรือไม่ แต่ถ้าปลามีอาการขึ้นๆลงๆ คล้ายกระโดดหรือจมอยู่แต่ที่ก้นอ่างหรือลอยผิวน้ำตลอดเวลา อาจหมายถึงการติดเชื้อที่ถุงลม โดยเฉพาะเชื้อแบคที่เรีย ( Air-bladder infection )
- หายใจแรงอย่างสม่ำเสมอ : เป็นอาการที่มักพบเมื่อมีอาการติดเชื้อ หรือพยาธิบริเวณเหงือก ได้แก่การติดเชื้อ Oodinium Cryptocaryon , Trichodina หรือ Dactylogyrus เป็นต้นและเป็นการแสดงอาการขาดออกซิเจน หรือมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์ในน้ำสูงเกินไป
- การว่ายน้ำพุ่งไปมาร่วมกับการหายใจถี่แรง และพยายามกระโดดออกจากตู้ : มักเกิดจากความเป็นพิษของน้ำซึ่งอาจเนื่องมาจากปริมาณแอมโมเนียที่สูงเกินไป หรือความไม่เหมาะสมของคุณสมบัติอื่นๆ เช่น pH เป็นต้น
- การว่ายน้ำกลับไปกลับมาโดยยื่นปากขึ้นมาเหนือน้ำร่วมกับการหายใจถี่แรง : อาการนี้อาจเกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของความเค็มกะทันหันจากน้ำจืดไป เค็มจัด
- ปลานอนอยู่ก้นบ่อมีการหายใจถี่ : หลังจากย้ายตู้ใหม่ ปลาอาจสามารถว่ายขึ้นมาได้อย่างยากลำบากเป็นระยะๆ มักเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของความเค็มจากเค็มไปจืด
- ปลามีอาการช๊อกหลังจากย้ายตู้ใหม่ : เกิดจากการเปลี่ยนสภาพน้ำอย่างกะทันหันอาการของโรคที่พบทางผิวหนัง
- โรคติดเชื้อ Oodinium : จะมีจุดสีขาวหรือขาวปนเหลืองเล็กๆบนผิวบริเวณครีบ เมื่อนำมาส่องกล้องจะพบเชื้อ Oodinium sp.
- โรคจุดขาว ( White spot ) : มีจุดหยาบ , สีขาวหรือขาวปนเทา บนผิวโดยเฉพาะที่บริเวณครีบและหาง เมื่อนำมาส่องกล้องจะพบพยาธิ
- โรคปื้นขาว ( White blotch ) : มีปื้นสีขาวส่วนใหญ่มีขอบเขตไม่ชัดเจนนัก มีสีเทาขาว และลุกลามลงไปในผิวหนังได้ เมื่อเพาะเชื้อจะพบแบคทีเรียที่พบโรค
- โรคจากเชื้อวิบริโอ ( Bibriosis ) : ผิวหนังมีเลือดออกมากและกระจายอยู่ทั่วไปจนอาจเห็นเป็นปื้นๆโดยมีจุดเลือด ออกใต้ผิวเมื่อนำมาเพาะเชื้อจะพบเชื้อในตระกูลวิบริโอ
- โรคครีบกร่อน ( Fin Rot ) : เนื้อเยื่อของครีบและหางมีสีเปลี่ยนไป มักจะมีสีขาวขึ้น โดยเฉพาะบริเวณขอบที่เริ่มเปื่อยและจะหลุดขาดออก เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย
- โรคเห็บระฆัง ( Trichodina infection ) : ผิวหนังจะเป็นฝ้าขาวหรือขาวฟ้า เป็นปื้นๆ ซึ่งต่อมาอาจเกิดเป็นจุดเลือดออกและมีหลุมขึ้นบริเวณผิวหนัง มีเมือกมากนำไปส่องดูจะพบเห็บระฆัง ( Trichodina sp. )
- ความเป็นกรดสูง ( Low pH ) : ผิวหนังจะเป็นสีขาวขุ่นโดยทั่วไปมีเมือกมากและอาจมีอาการจุดเลือดออกเป็นจุด เล็กๆด้วย เกิดจากน้ำเป็นกรดมากเกินไป
- โรคติดเชื้อแบคทีเรีย : มีแผลหลุมและแผลเปื่อยเกิดขึ้นอย่างช้าๆที่ผิวหนัง อาจมีการยกตัวสูงขึ้นของเกล็ด และเกล็ดหักหลุดง่าย รวมทั้งแผลที่ผิวหนังเมื่อทิ้งไว้นานๆจะกลายเป็นแผลเปิดใหญ่ได้ เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
- โรค Hippocampus : เป็นโรคที่มักพบในม้าน้ำจะมีปื้นที่ผิวหนังเป็นสีขาวหรือเป็นสีขาวที่มี ลักษณะมันๆเมื่อตรวจดูจะพบเชื้อ Glugia
- โรคพยาธิบนผิวหนัง : จะเห็นพยาธิซึ่งอาจเคลื่อนไหวได้ หรืออยู่นิ่งติดอยู่ที่ผิวหนัง พยาธินี้มักจะมีขนาดใหญ่ซึ่งอาจเป็นหนอนพยาธิ หรือเป็นสัตว์ที่มีเปลือกหุ้ม ( Crustaecean ) ก็ได้
- โรคติดเชื้อรา : มีอาการเป็นปุยคล้ายสำลีซึ่งจะมีขนาดใหญ่ขึ้นได้เมื่อทิ้งไว้ติดอยู่ที่ผิว หนังหรือบริเวณแผลที่ผิวหนัง
- โรคเนื้องอกจากเชื้อไวรัส : มีตุ่มหรือเนื้องอกขนาดเล็กซึ่งมักโตขึ้นลักษณะคล้ายดอกกะหล่ำสีขาวขึ้น บริเวณขอบครีบหรือบนผิวหนังอาการ ของโรคที่พบบริเวณตา
- โรคตาโปน ( Exophthalmia ) : ลูกตาของปลาจะนูนโป่งออกมา ซึ่งอาจเป็นข้างเดียวหรือทั้งสองข้างมีสาเหตุได้หลายอย่างเช่นการติดเชื้อ วัณโรค ( Tuberculosis ) หรือเชื้อไวรัสชนิดต่างๆรวมทั้งเชื้อแบคทีเรียได้ด้วย บางครั้งจะพบกรณีที่มีเชื้อ Ichthyosporidium sp.
- โรคตาฝ้า ( Cloudy eyes ) : มักพบกรณีติดเชื้อโรคชนิดต่างๆโดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรีย ได้แก่ Vibriosis รวมทั้ง Cryptocaryon โรคจุดขาวและการติดเชื้อเฉพาะที่ของตาอาจมีจุดสีขาวบริเวณกลางตาขึ้นด้วยก็ ได้ หลักในการรักษา
1. ถ้าเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียควรเลือกใช้ยาปฏิชีวนะที่เหมาะสม โดยทดสอบความไวต่อยาก่อนเพื่อให้เลือกใช้ได้ถูกต้องทั้งชนิดและขนาดของยาใน เวลา 5-7 วันเป็นอย่างน้อย
2. ถ้าตรวจพบพยาธิภายนอกอาจเลือกใช้สารเคมีที่สามารถฆ่าเชื้อได้ เช่น คอปเปอร์ซัลเฟต , ฟอร์มาลีน เป็นต้นโดยผสมแช่ลงน้ำในอัตราที่เหมาะสมและไม่เป็นพิษต่อสัตว์
3. พยาธิภายในสามารถรักษาได้โดยใช้ยาผสมอาหาร เช่น Levamesole เพื่อขับพยาธิภายในออกมาได้
4. โรคที่เกิดจากเชื้อราอาจใช้ยาฆ่าเชื้อรา เช่น Acriflavin หรือสารเคมีอื่นๆเพื่อแช่ปลาฆ่าเชื้อราได้
5. โรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสไม่สามารถรักษาได้แต่สามารถพยุงได้โดยการควบคุมสภาพ แวดล้อมให้ปลามีความเครียดน้อยที่สุด
6. หลักในการรักษาโรคทั่วไปคือสัตว์จะต้องมีการจัดการที่ดีทั้งทางด้านสภาพน้ำ , อาหารและอื่นๆเพื่อให้สัตว์สามารถสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคต่างๆได้
7. ควรปรึกษาสัตวแพทย์เมื่อมีปลาป่วยเพื่อให้คำแนะนำปรึกษาและวินิจฉัยที่เหมาะสม
เทคนิค การเลี้ยงปลาทะเลสวยงาม
http://www.nicaonline.com/articles/site/view_article.asp?idarticle=91